LEVC L380 รถมินิแวนจากค่าย Geely Group ใกล้จะเปิดตัวในประเทศจีนในปลายเดือนนี้ ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 400,000 หยวน หรือประมาณราวๆ 2,008,390 บาท รถยนต์ MPV ขนาด 5.3 เมตร พร้อมที่นั่งภายในมากถึง 8 ที่นั่ง พร้อมท้าชนคู่แข่งอย่าง Li Mega ซึ่ง LEVC L380 เป็นรถมินิแวนไฟฟ้า สามารถสั่งจองล่วงหน้าได้แล้วด้วยเงินมัดจำที่สามารถขอคืนได้หากไม่รับสินค้าในราคา 2,000 หยวนหรือประมาณราวๆ 10,045 บาท จะวางจำหน่ายในสหราชอาณาจักรในอีกสองปีข้างหน้า
LEVC ได้สืบทอดต่อจากบริษัท British London Taxi Company อันโด่งดัง ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1919 ซึ่งเดิมเป็นผู้ผลิตรถแท็กซี่ถูกซื้อกิจการโดย Geely ในปี 2013 และโรงงานผลิตได้ย้ายไปยังประเทศจีน ปัจจุบัน LEVC ขายรถยนต์คันเดียวชื่อ TX อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ได้เริ่มทำการผลิตรถมินิแวนภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ L380
LEVC L380 จะเข้าสู่ตลาดในเดือนมิถุนายนนี้
รถมินิแวน LEVC L380 เปิดให้สั่งจองล่วงหน้าในวันที่ 21 พฤษภาคม ลูกค้าสามารถจองรถคันนี้โดยมีค่ามัดจำแบบคืนเงินได้ 2,000 หยวน หรือประมาณราวๆ 10,045 บาท จากข้อมูลนี้ได้ระบุว่า L380 อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่จะเริ่มการขายจริง วันนี้สื่อจีนต่างๆ รายงานว่า LEVC L380 จะเข้าสู่ตลาดในช่วงปลายเดือนมิถุนายน โดยจะเริ่มจัดส่งให้กับลูกค้าพร้อมๆ กัน
สิ่งที่น่าสนใจคือ LEVC L380 ไม่เพียงแต่วางตำแหน่งให้เป็นรถแท็กซี่หรูหราหรือรถขนส่งสินค้าสำหรับโครงการต่างๆ เท่านั้น นอกจากนี้ยังมุ่งเป้าไปที่ลูกค้าเอกชนด้วย เนื่องจากรถมินิแวนขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าขนาดใหญ่กลายเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตในจีน หลังจากที่ Denza D9 ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำให้ผู้ผลิตหลายรายเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในรูปแบบนี้กันมากขึ้น รถมินิแวนถือเป็นรถเท่ๆ และเป็นที่นิยมในประเทศจีน
นี่คือเหตุผลว่าทำไม LEVC L380 จึงมุ่งเป้าไปที่ลูกค้าส่วนตัว และได้เปิดโชว์รูมหลายแห่งทั่วประเทศจีนแล้ว ในขณะเดียวกัน ก็เริ่มโปรโมตผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ แล้วในขณะนี้
LEVC L380 จะไม่ใช่รถยนต์ราคาถูก ราคาเริ่มต้นสำหรับลูกค้าส่วนตัวจะอยู่ที่ประมาณ 400,000 หยวน หรือประมาณราวๆ 2,008,588 บาท
ราคา LEVC L380 เทียบกับคู่แข่ง
GAC Trumpchi E9: 319,800 – 409,800 หยวน หรือประมาณราวๆ (1,606,020 – 2,058,586 บาท)
Hongqi HQ9 PHEV: 358,800 – 538,800 หยวน หรือประมาณราวๆ (1,801,915 – 2,705,886 บาท)
Hycan V09: 318,800 – 438,800 หยวน หรือประมาณราวๆ (1,601,033 – 2,204,264 บาท)
Zeekr 009: 500,000 – 789,000 หยวน หรือประมาณราวๆ (2,511,662 – 3,962,586 บาท)
Li Mega: 529,800 หยวน หรือประมาณราวๆ (2,660,767 บาท)
Voyah Dream : 339,900 – 639,900 หยวน หรือประมาณราวๆ (1,707,076 – 3,213,762 บาท)
Maxus Mifa 9: 269,900 – 449,900 หยวน หรือประมาณราวๆ (1,355,357 – 2,260,117 บาท)
Denza D9: 339,800 – 660,000 หยวน หรือประมาณราวๆ (1,706,375– 3,315,575 บาท)
XPeng X9: 359,800 – 419,800 หยวน หรือประมาณราวๆ (1,806,656– 2,107,933 บาท)
LEVC L380 มีคู่แข่งที่แข็งแกร่งมากมาย อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตจำนวนมากมักเปรียบเทียบรถ MPV รุ่น Geely กับ Li Mega ที่เปิดตัวในเดือนมีนาคม 2024 การเปรียบเทียบนี้สาเหตุหลักมาจากรูปลักษณ์ภายนอกของ L380 จากบางมุมที่ดูเหมือนเป็นพี่น้องฝาแฝดของ Li Mega
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ LEVC L380
LEVC L380 เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่มีที่นั่งสูงสุด 8 ที่นั่ง และภายในมีการจัดวางแบบ 2 + 2 + 2 + 2 ที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 มีเก้าอี้กัปตันแยกอิสระ LEVC L380 ตั้งอยู่บนแพลตฟอร์ม SOA ที่ได้มาจากสถาปัตยกรรม SEA มีขนาด 5316/1998/1940 มิลลิเมตร พร้อมระยะฐานล้อ 3185 มิลลิเมตร LEVC L380 มีตัวเลือกระบบส่งกำลังสามแบบ
– มอเตอร์ไฟฟ้า 200 กิโลวัตต์ หรือ 268 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม. แบตเตอรี่ NMC แบบไตรภาค 100 kWh ให้ระยะทาง 570 กิโลเมตร
– มอเตอร์ไฟฟ้า 200 กิโลวัตต์ หรือ 268 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม. แบตเตอรี่ NMC แบบไตรภาค 116 kWh ให้ระยะทาง 675 กิโลเมตร
– มอเตอร์ไฟฟ้า 400 กิโลวัตต์ 2 ตัว หรือ 536 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. แบตเตอรี่ NMC 140 kWh วิ่งได้ 785 กิโลเมตร
ก่อนหน้านี้ L380 ได้ผ่านการทดสอบการชนด้านความปลอดภัยซึ่งจัดขึ้นในห้องปฏิบัติการภายในของ Geely เจ้าหน้าที่ของแบรนด์ระบุว่าได้ผ่านการตรวจสอบแล้ว 52 รายการ ในระหว่างการชนด้านข้าง L380 สามารถรับแรงกระแทกได้ 70 ตัน ความต้านทานการชนต่อหน่วยพื้นที่คือ 1,670 กิโลนิวตันต่อลูกบาศก์เมตร หลังจากการชน ประตูของ L380 ก็สามารถเปิดได้ตามปกติ อิเล็กโทรไลต์ของแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูงรั่วไหลน้อยกว่า 5 ลิตรภายใน 30 นาที ไม่พบร่องรอยของควันและไฟ อย่างไรก็ตาม เรายังคงรอการทดสอบการชนจากหน่วยงานอิสระ เพื่อเป็นการยืนยันให้ชัดเจนมากขึ้น
จากข้อมูลทางโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของ LEVC L380 คาดว่าจะเข้าสู่ตลาดสหราชอาณาจักรภายใน 2 ปี สำหรับประเทศไทยจะทำตลาดหรือไม่ต้องติดตามกันต่อไป
ที่มา : carnewschina.com
