หลังจากสัปดาห์ก่อน Kia ผู้ผลิตรถยนต์จากเกาหลีใต้ ได้เปิดเผยภาพตัวอย่างของ K4 ซีดานขนาดกลางรุ่นใหม่ โดยใช้ช่องทางออนไลน์ และล่าสุดตัวรถก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน New York Auto Show 2024 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และนี้คือสเปกเบื้องต้นอย่างเป็นทางการของตัวรถ
Kia K4 2024 เรียกว่า ใช้สไตล์ที่โดดเด่นพร้อมกับสไตล์หลังคาแบบฟาสต์แบ็กที่บริษัทเรียกว่า Opposites United มีรูปลักษณ์ที่กว้างเน้นด้วยไฟหน้าและไฟท้าย LED แนวตั้งมาตรฐานซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก EV9 Kia ยังซ่อนมือจับประตูด้านหลังไว้ที่เสา C
K4 มาพร้อมกับตัวเลือกระบบส่งกำลังสองแบบ โดยรุ่นมาตรฐานจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์สี่สูบ 2.0 ลิตรที่ให้กำลัง 147 แรงม้า พร้อมแรงบิด 132 Ib-Ft จับคู่กับชุดเกียร์อัตโนมัติ CVT ในขณะที่ตัวเลือกที่สอง จะเป็นเครื่องยนต์สี่ลูกสูบ 1.6 ลิตรเทอร์โบ ที่ให้กำลัง 190 แรงม้า และแรงบิด 195 Ib-Ft จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ด้านหลังพวงมาลัย และคาดว่าตัวรถจะมีตัวเลือกในรุ่นประสิทธิภาพสูง GT Line ในปีหน้า ที่คาดว่าจะมีกำลังสูงสุดมากกว่า 200 แรงม้า
Kia K4 คาดว่าจะเข้ามาแทนที่ Forte ในตลาดอเมริกา โดยทาง Kia กล่าวว่า K4 เป็นรถซีดานขนาดกะทัดรัดที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มนี้ โดยมีความยาว 185.4 นิ้ว และกว้าง 72.8 นิ้ว ซึ่งมันมีมิติที่ใหญ่กว่า Forte พอสมควร และด้วยความใหญ่โตของตัวรถ ภายในห้องโดยสารจะมีพื้นที่ที่มากกว่า Forte โดยจะมีพื้นที่วางขาด้านหลัง 38.0 นิ้ว และพื้นที่ส่วนหัวด้านหลัง 37.3 นิ้ว รวมไปถึงพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังความจุ 14.6 ลูกบาศก์ฟุต
อุปกรณ์ภายในมีหน้าจอขนาด 30 นิ้วเหนือแผงหน้าปัด พร้อมด้วยมาตรฐาน Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย นอกจากนี้ยังมีการอัพเดตแบบ Over-the-air และ Digital Key 2.0 ของ Kia พร้อม Ultra Wideband อีกด้วย Kia ยังรักษาความปลอดภัยให้กับผู้โดยสาร K4 ด้วยการรวมคุณสมบัติด้านความปลอดภัยมาตรฐานมากมาย ถุงลมนิรภัยด้านหลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ ระบบหลีกเลี่ยงการชนด้านหน้า ระบบแจ้งเตือนการจราจรด้านหลัง และอื่นๆ Kia ยังนำเสนอคุณสมบัติด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น การอัพเกรดระบบเตือนการชนด้านหน้าในรุ่นที่สูงขึ้นด้วย
Kia จะนำเสนอ K4 ในห้ารุ่น โดยจะแบ่งออกเป็น 3 รุ่นสำหรับปี 2024 ประกอบด้วย LX, LXS, และ EX พร้อมกับอีก 2 รุ่นสำหรับปี 2025 ประกอบด้วย GT-Line และ GT-Line Turbo โดยทางผู้ผลิตจากแดนกิมจิ ยังไม่เปิดเผยข้อมูลเรืองของราคาจำหน่ายในอเมริกาอย่างเป็นทางการ โดยสื่อยานยนต์จากเมืองลุงแซมคาดว่า ราคาของตัวรถจะสูงกว่า Kia Forte เล็กน้อย และจะต้องต่ำกว่า Kia K5 ที่อยู่ระดับบนกว่าอย่างแน่นอน
ที่มา www.motor1.com