ในสภาวะของมลพิษทางอากาศ ที่ดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆ หันเหความสนใจออกจากเครื่องยนต์สันดาปที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิส ไปสู่มอเตอร์ไฟฟ้าและพลังงานจากแบตเตอรี่ และ Isuzu ขาใหญ่ของวงการรถกระบะเองก็เป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่มีแนวคิดที่ไปในทิศทางเดียวกัน
Isuzu D-Max EV Concept
Isuzu D-Max Hi-lander MHEV
ซึ่งทาง Isuzu ประเทศไทย ที่เป็นหนึ่งในฐานการผลิตหลักของแบรนด์ ได้จัดงานแถลง “นโยบายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในระดับโลกและระดับประเทศ” ผ่าน “โซลูชั่นส์อันหลากหลายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน” (Multi-pathways to Carbon Neutrality) พร้อมประกาศวางแผนที่จะผลิตรถกระบะขุมพลังไฟฟ้าในประเทศไทย เพื่อส่งออกซึ่งจะเริ่มจากประเทศในโซนยุโรปในปี 2025 และจะทยอยเปิดตัวในประเทศอื่นๆ ตามกฎระเบียบและความคืบหน้าด้านความเป็นกลางทางคาร์บอนของแต่ละประเทศ
ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในฐานะโรงงานแม่ของกลุ่ม Isuzu ด้านรถกระบะ โดยมีการตั้งโรงงานการผลิต และเป็นฐานการผลิตรถกระบบะ Isuzu จำนวน 300,000 ถึง 400,000 คันต่อปี เพื่อการจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกกว่า 100 ประเทศ และปัจจุบัน Isuzu ยังถือครองตลาดรถกระบะในประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่พอๆ กับ Toyota โดยมีแบรนด์อื่นๆ ที่เข้ามาแชร์ส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ซึ่งในงานแถลงนโยบายใหม่ของ Isuzu ประเทศไทย ก็ได้มีการเปิดตัว 2 โมเดลใหม่ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานระยะยาวของบริษัท ประกอบด้วย Isuzu D-Max EV ในฐานะของรถต้นแบบแนวคิดพลังงานไฟฟ้า BEV 100% และ Isuzu D-Max Hi-lander MHEVที่มาพร้อมกับขุมกำลังดีเซล Mild-hybrid 48V ที่มาพร้อมกับเครื่องบยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร เทอร์โบรุ่นใหม่ โดยทั้งสองโมเดลจะเป็นรุ่นที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา และกำลังจะมีการเปิดตัวต่อสาธารณะชนในงาน Bangkok Motor Show 2024 ปลายเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้
ไฮไลท์ของ Isuzu D-Max EV จะอยู่ที่การพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการเชิงพาณิชย์และผู้โดยสารที่หลากหลาย โดยยังคงรักษาสมรรถนะพื้นฐานที่แข็งแกร่งของรถกระบะไว้ โดยมีระบบขับเคลื่อนและ Full-Time 4WD ที่ติดตั้ง e-axle ที่พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ให้การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมบนถนนขรุขระ การเร่งความเร็วเชิงเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ของ BEV ตลอดจนเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือนต่ำ นอกจากนี้ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ในลักษณะเดียวกับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นปัจจุบัน จึงใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงและการออกแบบโครงและตัวถังที่แข็งแกร่งเพื่อให้มั่นใจถึงความสามารถในการลากจูงสูง
กำลังที่ได้จากมอเตอร์ไฟฟ้านั้น จะมีกำลังรวมอยู่ที่ 130 แรงม้า (kw) โดยแบ่งออกเป็นกำลังจากมอเตอร์หน้า 40 แรงม้า (kw) และมอเตอร์ด้านหลัง 90 แรงม้า (kw) สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คุณสมบัติในการลากจูง ที่มากถึง 3.5 ตัน น้ำหนักบรรทุก 1 ตัน โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 66.9 kWh
ในขณะที่ Isuzu D-Max Hi-lander 4-Door MHEV จะเป็นการนำเสนอขุมกำลังเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบขนาด 1.9 ลิตร ที่จะทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก และแบตเตอรี่ 48V โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่เสริมกำลังให้การขับเคลื่อนร่วมกับเครื่องยนต์ดีเซล เพื่อลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ในช่วงออกตัว รวมถึงช่วยลดการสั่นสะเทือนในจังหวะสตาร์ทเครื่องยนต์และประเด็นสำคัญคือการช่วยลดการปล่อยมลพิษสู่อากาศ
ทั้งสองโมเดลจะเริ่มทำการตลาดในปี 2025 โดยมีกลุ่มประเทศเป้าหมายที่แตกต่างกัน โดยทั้งสองรุ่นนั้น ถูกคาดหวังว่าจะเป็นทางออกสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการใช้งานรถยนต์ที่มีการปล่อยมลพิษต่ำ เพื่อช่วยในการรักษาสภาพแวดล้อมที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป อย่างไรก็ตามทั้ง 2 โมเดลจะถูกนำจัดแสดงภายในงาน Bangkok Motor Show 2024 ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายนนี้ ที่ Impact Arena เมืองทองธานี