เปิดตัว BYD Seagull 2025 แล้วเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมาในประเทศจีน รถยนต์แฮทช์แบ็ก 4 ที่นั่ง 5 ประตู จิ๋วกระทัดรัด พลังงานไฟฟ้า100% โฉมใหม่ 2025 เปิดตัวด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นย่อยในตลาดเมืองจีน เป็นการเพิ่มออปชันในบางตำแหน่งและปรับราคาจำหน่ายให้ลดลงโดยราคาอยู่ระหว่าง 69,800 – 85,800 หยวน หรือประมาณราวๆ (3.4 – 4.2 แสนบาท)
ข้อมูลเบื้องต้นของ BYD Seagull 2025
– รุ่น Vitality Edition วิ่งได้ระยะทาง 305 กม. (ชุดแบตเตอรี่ 30.08 kWh) ราคา 69,800 หยวน หรือราวๆ (346,743 บาท)
– รุ่น Freedom Edition วิ่งได้ระยะทาง 305 กม. (ชุดแบตเตอรี่ 30.08 kWh) ราคา 75,800 หยวน หรือราวๆ (376,732 บาท)
– รุ่น Flying Edition วิ่งได้ระยะทาง 405 กม. (ชุดแบตเตอรี่ 38.88 kWh) ราคา 85,800 หยวน หรือราวๆ (426,433 บาท)
BYD Seagull ปี 2025 เป็นรุ่นปรับโฉมประจำปี มีการเปลี่ยนแปลงสไตล์เล็กน้อย และการตกแต่งบางส่วนได้เพิ่มในส่วนของการกำหนดค่าต่างๆ ภายในรถใหม่ อย่างเช่น การปรับด้วยไฟฟ้าของเบาะคู่หน้า เป็นต้น
รถใหม่จะมีให้เลือกด้วยกัน 4 สี ได้แก่ Arctic Blue, Warm Sun White, Polar Night Black และ Peach Pink สำหรับสีภายในมีให้เลือกด้วยกัน 2 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Deep Ocean Blue และ Dune Pink
BYD Seagull รุ่นปี 2025 ใช้แพลตฟอร์มของ BYD e-Platform เวอร์ชัน 3.0 มิติตัวรถมีความยาว ความกว้าง และความสูงที่ 3780/1715/1540 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,500 มิลลิเมตร ซึ่งไม่แตกต่างไปจากรุ่นก่อนหน้า
2024 BYD Seagull Honors Edition
2025 BYD Seagull
สำหรับการออกแบบภายนอก ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือด้านหลัง ได้เปลี่ยนตัวอักษรคำว่า “BUILD YOUR DREAMS” ออก และเปลี่ยนเป็น “BYD” แทน การออกแบบโดยรวมด้านหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
ในรุ่น Vitality Edition จะใช้ขอบล้อขนาด 15 นิ้ว (ช้าย) ในขณะที่อีก 2 รุ่น Freedom Edition และ Flying Edition ใช้ขอบอลูมิเนียมอัลลอยด์ใหม่ขนาด 16 นิ้ว (ขวา)
ภายในยังคงการออกแบบไม่เปลี่ยนแปลงมากนักจากรุ่นก่อน โดยมีแผงหน้าปัดลอยขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอควบคุมส่วนกลางแบบหมุนได้ขนาด 10.1 นิ้ว จับคู่กับแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะแบบ BYD DiLink สำหรับในรุ่น Freedom Edition และ Flying Edition มีการติดตั้งแผงชาร์จแบบไร้สายสำหรับโทรศัพท์มือถือ และรองรับระบบอุ่นที่เบาะหน้า รวมถึงเบาะนั่งคนขับสามารถปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง
การกำหนดค่ามาตรฐานอื่นๆ ภายในรถ ได้แก่ ได้รับการอัปเดต OTA, ลำโพง 4 ตำแหน่ง, บลูทูธ, การโต้ตอบด้วยเสียง, WiFi ในรถยนต์, เครือข่าย 4G และการเข้ารถแบบไม่ใช้กุญแจ พละกำลังในการขับเคลื่อนยังคงมาจากมอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวรที่มีกำลังสูงสุด 55 กิโลวัตต์ (74 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 135 นิวตันเมตร เมื่อจับคู่กับ Blade Battery ของ BYD สำหรับในรุ่น Vitality and Freedom Editions จะติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 30.08 kWh ซึ่งวิ่งได้ระยะทาง 305 กม. ตามมาตราฐานจาก CLTC สำหรับในรุ่นท็อป Flying Edition มาพร้อมกับชุดแบตเตอรี่ขนาด 38.88 kWh ซึ่งให้ระยะทางที่ 405 กม. ตามมาตราฐาน CLTC อัตราเร่ง 0 – 50 กม./ชม. อยู่ที่ 4.9 วินาที รองรับการชาร์จเร็ว DC จะใช้เวลาภายใน 30 นาที จากการชาร์จไฟฟ้าจาก 30% เป็น 80%
ในช่วงไตรมาสครึ่งแรกของปี 2567 BYD Seagull มียอดขายรวมทั้งหมด 191,037 คัน ซึ่งถือว่าเป็นรถที่เจาะตลาดได้ดีเป็นอย่างมากในตลาดจีน สำหรับประเทศไทยนั้นทาง เรเว่ จะนำเข้ามาจำหน่ายเมื่อไหร่ ต้องรอติดตามกันต่อไป หากมีข่าวสารเพิ่มเติมทางเราจะนำมารายงานต่อไป
ที่มา: carnewschina.com
