ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ได้มีข่าวรายงานว่าทางค่าย Honda ได้ร่วมมือกับจีนผลิตรถยนต์ SUV พลังงานไฟฟ้า 100% ขึ้น เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดไซน์กลาง มีชื่อว่า “ Ye S7 ” และได้รับการรับรองจาก MIIT ของจีนแล้ว ซึ่งรถคันนี้ถูกสร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมไฟฟ้าบริสุทธิ์ “W” ที่อัจฉริยะและมีประสิทธิภาพสูงภายใต้แบรนด์ “Ye” ของฮอนด้าซึ่งมุ่งเน้นที่กลุ่มผู้บริโภคชาวจีนและจะทำตลาดสำหรับตลาดจีนก่อน และคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายปีนี้
แบรนด์ “Ye” ใช้สถาปัตยกรรมพลังงานไฟฟ้าบริสุทธิ์ “W” ที่ชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพของฮอนด้า เพื่อสร้างยานพาหนะไฟฟ้าบริสุทธิ์เจเนอเรชันใหม่สำหรับผู้บริโภคชาวจีนโดยเฉพาะ
Honda China เปิดตัวซีรีส์ Ye (烨) รถยนต์ EV สำหรับกลุ่มผู้บริโภคชาวจีนไปเมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมาในปีนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะใช้พลังงานไฟฟ้า100% ในตลาดจีนภายในปี 2578 โดยซีรีส์ดังกล่าวมีแผนจะเปิดตัวรถยนต์ถึง 6 รุ่นด้วยกันภายในปี 2570 โดยมี Ye S7 และ Ye P7 เป็น 2 รุ่นแรกของแบรนด์ในซีรีส์นี้ ซึ่งผลิตโดยบริษัทร่วมทุนระหว่าง Dongfeng Honda และ GAC Honda ในประเทศจีน และรถรุ่นที่ 3 ในซีรีส์นี้ก็จะตามมาในอีกไม่นาน มีชื่อเรียกว่า “ Ye GT ” กำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิต และคาดว่าจะจำหน่ายในปี 2025
การออกแบบด้านหน้าของ Honda Ye S7 จะเป็นไฟแบบ LED แบบทะลุซึ่งมีการออกแบบเป็นรูปแฉกทั้งสองด้านในรูปทรงตัว “H” แบบยาว ในขณะเดียวกัน โลโก้ H ของซีรีส์ Ye จะอยู่ตรงกลาง ส่วนด้านหลังมีการออกแบบไฟท้ายแบบทะลุซึ่งมีรูปทรงตัว H ยาวเช่นเดียวกัน นอกจากนี้เสา A, B และ C ด้านข้างจะเป็นสีรมดำ เสริมด้วยบังโคลน สเกิร์ตข้าง และคิ้วล้อสีดำ ทำให้รถดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น
ภายนอกออกแบบเป็นแบบสีทรูโทนให้ผู้บริโภคได้เลือก ด้านท้ายรถมีสัญลักษณ์ “S7” ที่บ่งบอกถึงตัวตนของรถมากขึ้น Honda Ye S7 มีมิติตัวรถที่ความยาว ความกว้าง และความสูง 4750/1930/1625 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,930 มิลลิเมตร น้ำหนักที่ 2,305 กิโลกรัม สวมยางขนาด 265/45R21 104V
นอกจากนี้ ระบบส่งกำลังยังประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า 150 กิโลวัตต์และด้านหลัง 200 กิโลวัตต์ ซึ่งให้กำลังรวม 350 กิโลวัตต์ (469 แรงม้า) ซึ่งจับคู่กับชุดแบตเตอรี่ลิเธียมแบบไตรภาคจาก CATL ให้ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 180 กม./ชม. ข้อมูลความจุและระยะของแบตเตอรี่ยังไม่ได้ระบุชัดเจนในขณะนี้
ตั้งแต่ครึ่งไตรมาสแรกในปี 2567 มียอดขายสะสมอยู่ที่ 237,900 คัน เพิ่มขึ้น 4.79% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งถือว่าเป็นสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดได้อย่างมีนัยสำคัญ
ที่มา: carnewschina.com