Skip to content
honda civic eFwRIb MIKRxa aion JnjN68
Home » BYD Song L และ BYD Song Plus เปิดตัวขุมพลัง DM-I เจเนอเรชั่น 5.0 ด้วยขุมพลัง Plug-in Hybrid (PHEV) วิ่งได้ไกลถึง 1,500 กิโลเมตร

BYD Song L และ BYD Song Plus เปิดตัวขุมพลัง DM-I เจเนอเรชั่น 5.0 ด้วยขุมพลัง Plug-in Hybrid (PHEV) วิ่งได้ไกลถึง 1,500 กิโลเมตร

วงการยานยนต์ไม่หยุดนิ่งแต่ละค่ายก็ปล่อยผลิตภัณฑ์ของตนออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง BYD โดยล่าสุดเมื่อ วันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมาทางค่าย BYD ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่น Song L DM-i และ Song Plus DM-i รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ได้รับการอัปเดตใหม่แบบ ALL New โดยรถยนต์ทั้งสองรุ่นนี้เป็นรถไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด PHEV ใช้ทั้งระบบเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าที่อาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อน ซึ่งเป็นรุ่นที่ 5 ของทางค่าย BYD แบบเดียวกัน และแม้จะใช้ชื่อรุ่นที่แตกต่างกัน แต่ทั้ง 2 รุ่นนี้วางราคาเท่ากันทุกประการ โดย Song L จะมีทั้งหมด 5 เวอร์ชัน และ Song Plus ก็มี 5 เวอร์ชันด้วยเช่นกัน โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 135,800 – 175,800 หยวน หรือราคาประมาณราวๆ (6.7 – 8.7 แสนบาท)

สำหรับรถยนต์ทั้งสองคันนี้ใช้เทคโนโลยี DM-i Super Hybrid เวอร์ชัน 5.0 ถูกสร้างขึ้นโดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 74 kW และแรงบิด 126 นิวตันเมตร ควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 160 kW และแรงบิด 260 นิวตันเมตร เป็นเครื่องยนต์ BYD472QC ที่มีประสิทธิภาพเชิงความร้อน 46.06% ที่ก่อนหน้าได้เปิดตัวไปแล้ว สำหรับรถซีดานปลั๊กอินไฮบริด BYD Qin L และ Seal 06 DM-i ก็ใช้ระบบปลั๊กอินไฮบริด DM-i เจเนอเรชันที่ 5 ของ BYD  สำหรับรถยนต์ Song L และ Song Plus DM-i มีชุดแบตเตอรี่ให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ 12.9 kWh, 18.3 kWh และ 26.6 kWh ซึ่งสอดคล้องกับระยะทางไฟฟ้าบริสุทธิ์ที่ 75 กม., 112 กม. และ 160 กม. ตามลำดับ ตามมาตราฐาน CLTC ซึ่ง BYD ใช้มาตรฐาน NEDC ในการคำนวณเพื่อแสดงอัตราการสิ้นเปลืองของน้ำมันเชื้อเพลิง และปรากฎค่าสำหรับระบบส่งกำลังทั้ง 3 รุ่นคือ 3.88, 3.90 และ 3.93 ลิตร/100 กม. ตามลำดับ จะสังเกตว่าการใช้ตัวเลขจาก มาตรฐานที่พัฒนาโดยสหภาพยุโรปWLTC และกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (MIIT) จะได้ตัวเลขการบริโภคเชื้อเพลิงจริงที่ 4.93, 4.95 และ 4.98 ลิตร/100 กม. ให้ระยะวิ่งสูงสุดที่ 1,500 กิโลเมตร

Song L DM-I
ในบรรดารถทั้ง 2 คัน Song L ถือเป็นรถยนต์ที่น่าสนใจที่สุดในบรรดารถยนต์ใหม่ วางตำแหน่งสินค้าให้เป็นรถยนต์ SUV ขนาดกะทัดรัด อยู่ในชีรี่ย์ Dynasty จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ระหว่าง Song Pro DM-i และ Tang DM-i โดยจะมีทั้งหมด 5 รุ่น ดังนี้

รุ่นและราคา
– Leading วิ่งได้ 75 กม. ราคา 135,800 หยวน หรือประมาณราวๆ (676,082 บาท)
– Leading วิ่งได้ 112 กม. ราคา 145,800 หยวน หรือประมาณราวๆ (725,712 บาท)
– Transcendent วิ่งได้ 112 กม. 155,800 หยวน หรือประมาณราวๆ (775,486 บาท)
– Transcendent วิ่งได้ 160 กม. 165,800 หยวน หรือประมาณราวๆ (825,450 บาท)
– Excellence วิ่งได้ 160 กม. 175,800 หยวน หรือประมาณราวๆ (875,236 บาท)

การออกแบบรถยนต์ไฟฟ้า Song L จะมีกระจังหน้าขนาดใหญ่เพื่อระบายความร้อนออกจากเครื่องยนต์ ซุ้มล้อค่อนข้างโดดเด่น โดยมีรูปลักษณ์เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าโค้งมน และใช้ล้อขนาด 19 นิ้วหุ้มยาง Kumho มีมือจับประตูซ่อนอยู่ และรถมีลักษณะคล้ายรอยพับแบบสองชั้นที่ค่อนข้างโดดเด่นอยู่เหนือล้อหลัง โดยรอยพับที่สองเป็นส่วนหนึ่งของเส้นหน้าต่าง เสาซีทั้งหมดได้รับการตกแต่งด้วยโครเมียม และด้านหลังมีแผ่นกันกระแทกสีเงิน ในการออกแบบไฟท้ายเป็นแบบทะลุมีการตกแต่งแบบ Chinese knot ที่ด้านบนของหน้าต่างด้านหลังมีสปอยเลอร์หลังแบบสองตอน รถมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Ice Blue, Emerald Blue, Citrine Grey และ Jade White

5
2
3
4

ขนาดมิติตัวรถของ Song L คือ 4780, 1898 และ 1670 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2782 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวรถของรุ่น 112 กม. อยู่ที่ 2,305 กก. ในขณะที่รุ่น 160 กม. มีน้ำหนัก 2,375 กก.

การออกแบบภายในคล้ายกับ Qin L DM-i โดยที่นั่งและขอบตกแต่งเป็นสีเครื่องปั้นดินเผา Jinsha แต่ในรุ่นท็อปจะมีหน้าจออินโฟเทนเมนต์ที่ติดตั้งตรงกลางขนาด 15.6 นิ้ว พร้อมด้วยแผงหน้าปัด LCD และจอแสดงผลบนกระจกหน้า หน้าจอมีระบบปฏิบัติการแบบ DiLink 100 ตำแหน่งฝั่งในตัวและชิปประมวลผล 6 นาโนเมตร นอกจากนี้ยังมีการชาร์จโทรศัพท์ไร้สายแบบ 50W พวงมาลัยสามารถแบบปรับอุณหภูมิได้ และระบบเสียงอินฟินิตี้ลำโพง 10 ตำแหน่ง พร้อมด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจริยะแบบ DiPilot

6
7
8
9
10

BYD Song L DM-i เป็นรถ 5 ที่นั่ง ท้ายรถมีพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดความจุที่ 459 ลิตร และเมื่อพับเบาะลงจะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 1,550 ลิตร

Song Plus DM-i
Song L DM-i เปิดตัวพร้อมกับ Song Plus DM-i อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการอัพเกรดของรถยนต์ BYD ที่มีอยู่ซึ่งใช้เทคโนโลยีระบบส่งกำลัง DM-i เวอร์ชัน 5.0 รุ่นล่าสุดของทางค่าย นอกจากนี้ยังมีจำหน่ายทั้งหมด 5 รุ่น ดังนี้

รุ่นและราคา
– Deluxe วิ่งได้ 75 กม. ราคา 135,800 หยวน หรือประมาณราวๆ (675,582 บาท)
– Prestige วิ่งได้ 112 กม. ราคา 145,800 หยวน หรือประมาณราวๆ (725,331 บาท)
– Prestige วิ่งได้ 112 กม. ราคา 155,800 หยวน หรือประมาณราวๆ (775,057 บาท)
– Flagship วิ่งได้ 160 กม. ราคา165,800 หยวน หรือประมาณราวๆ (824,801 บาท)
– Flagship Plus วิ่งได้ 160 ราคา 175,800 หยวน หรือประมาณราวๆ (874,547 บาท)

ภายนอกมีความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างเวอร์ชันใหม่และเวอร์ชันเก่า ยกเว้นการปรับเปลี่ยนไฟหน้าเล็กน้อย ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดภายนอกของเวอร์ชันใหม่คือโลโก้ BYD ที่ด้านหลัง ซึ่งคันเก่ามีข้อความว่า Build Your Dreams ขนาดมิติตัวรถยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 4775, 1890 และ 1670 มิลลิเมตร โดยมีระยะฐานล้อ 2,765 มิลลิเมตร

11
12
13
14

ภายในของ Song Plus DM-i มีฟังก์ชันการทำงานคล้ายคลึงกับ Song L อย่างไรก็ตาม การใช้งานจะแตกต่างออกไป เลย์เอาต์ทั่วไปใช้สีขาวและสีเทาเหมือนรุ่นดั้งเดิม อุปกรณ์ต่างๆ ก็คล้ายกัน โดยมีคุณสมบัติต่างๆ เช่น จอแสดงผลบนกระจกแบบกว้าง แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สายขนาด 50 วัตต์ และระบบปฏิบัติการ DiLink 100 รถยนต์สเปคท็อปยังได้รับฟีเจอร์ต่างๆ เช่น ระบบเสียงเซอร์ราวด์รอบทิศทางแบบไร้ขอบเขตพร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง และระบบช่วยเหลือในการขับขี่อัจริยะแบบ DiPilot

1516

หมายเหตุบรรณาธิการ
เมื่อ BYD เปิดตัวเทคโนโลยี DM-i เวอร์ชัน 5.0 เป็นครั้งแรก ก็ได้เปิดตัวรถยนต์ 2 คันพร้อมกัน ได้แก่ Qin L และ Seal 06 DM-i แม้ว่ารถยนต์ทั้งสองคันจะมีพื้นฐานที่เหมือนกัน แต่ได้รับการออกแบบใหม่อย่างตั้งใจเพื่อดึงดูดผู้ใช้ที่แตกต่างกัน และจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายในซีรี่ส์ Dynasty และซีรี่ส์ Ocean แยกกัน ด้วย Song L DM-i ใหม่และ Song Plus DM-i ที่ปรับปรุงใหม่ รถทั้งสองคันมีความแตกต่างกันน้อยมาก ยกเว้นความสวยงาม ทั้งสองจะจำหน่ายโดยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Dynasty และมีขนาดใกล้เคียงกันมาก Song Plus เป็นหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ BYD ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยยอดขายกลุ่มลูกค้า EV และ PHEV มียอดขายทั้งหมดมากกว่าล้านคัน ซึ่ง Song L จะสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าของตัวเองได้จริงหรือไม่นั้นก็ต้องรอดูกันต่อไป

ที่มา: carnewschina.com

รถใหม่