Hyundai ยังคงเดินหน้าขยายผลิตภัณฑ์รถ SUV ที่เป็นที่นิยมสำหรับกลุ่มผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ของทางค่าย ใช้ชื่อว่า “ Inster ” ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยใช้พื้นฐานมาจากรถซับคอมแพคต์รุ่น Casper แต่จะมีการปรับระยะฐานล้อให้ยาวขึ้นและเพิ่มเทคโนโลยีภายในห้องโดยสารให้ทันสมัยมากขึ้น ต่างจากรุ่น Casper ที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในเกาหลีเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่นี้จะทำการตลาดโดยมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าในยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียแปซิฟิกด้วย เพื่อเป็นการขยายตลาดสู่สินค้าระดับโลก
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Hyundai
– Hyundai Interster เป็นรถครอสโอเวอร์ไฟฟ้าสำหรับใช้ในเมืองรุ่นใหม่ที่มีพื้นฐานมาจากรถ Casper แคสเปอร์เป็นรถที่เล็กที่สุดในคลาสของ Hyundai ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง
– ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวให้กำลังสูงสุดที่ 113 แรงม้า ให้ระยะทางสูงสุดที่ 355 กิโลเมตร
– Hyundai วางแผนที่จะเปิดตัวรถรุ่น Interster และทำตลาดในเกาหลี ยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียแปซิฟิก
Hyundai Inster (ด้านบน) เปรียบเทียบกับ Casper (ด้านล่าง)
Hyundai Interster ได้รับแรงบรรดาลใจด้านการออกแบบดีไซน์มาจากรถ Casper ในปี 2021 แต่มีการปรับเปลี่ยนด้านดีไซน์ในบางจุดเพื่อหลีกเลี่ยงในเรื่องการลอกเลียนแบบตัวผลิตภัณฑ์ ล้อใช้ขนาด 15 นิ้วและ17 นิ้ว เพราะตัวรถมีขนาดที่ใหญ่กว่ารุ่น Casper และไฟเป็นแบบ LED ที่สว่างกว่าทั้งด้านหน้าและด้านหลัง สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ Inster มีขนาดมิติตัวรถที่ยาวมากกว่า Casper ถึง 230 มิลลิเมตร หรือประมาณ (9 นิ้ว) โดยมีระยะฐานล้อยาวกว่าถึง 180 มิลลิเมตร หรือประมาณ (7.1 นิ้ว) กันเลยทีเดียว
แม้จะมีระยะฐานล้อที่ยาวขึ้นแต่ Inter ยังคงคอนเซ็ปต์ของรถเล็กเอาไว้ โดยมีความยาวที่ 3,825 มิลลิเมตร หรือประมาณ (150.6 นิ้ว) กว้าง 1,610 มิลลิเมตร หรือประมาณ (63.4 นิ้ว) และสูงเพียง 1,575 มิลลิเมตร หรือประมาณ (62 นิ้ว) โดยมีระยะฐานล้อ 2,580 มิลลิเมตร หรือประมาณ (101.6 นิ้ว) แต่ก็ยังมีขนาดที่เล็กกว่ารถ SUV ขนาดกะทัดรัดของผลิตภัณฑ์ร่วมค่าย อย่างเช่น Bayon, Creta, Venue และ Kona
ในตลาดยุโรป Hyundai Inster จะถูกวางตำแหน่งสินค้าระหว่างกลุ่ม A-SUV โดยจะมี (Toyota Aygo X, Suzuki Ignis) และ B-SUV คือ (Jeep Avenger, VW T-Cross) ทำให้ Hyundai Inster เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการแข่งขันตลาดรถสำหรับกลุ่มผู้บริโภคในเมืองด้วยขนาดมิติตัวรถที่กะทัดรัด นอกจากนี้ Hyundai ยังได้ประกาศรุ่น “ Inter Cross ” ว่ากำลังจะมาถึงเร็วๆ นี้ โดยจะมีการออกแบบที่เน้นการใช้งานกลางแจ้งที่ทนทานยิ่งขึ้น
การออกแบบภายในส่วนใหญ่ยังคงใช้แพลตฟอร์มมาจากระบบขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง แม้ว่าจะมีการอัพเกรดทางด้านเทคโนโลยีในบางจุดและสีตัวรถที่แตกต่างกัน สำหรับเบาะเป็นเบาะผ้า ห้องโดยสารเป็นจอแสดงผลคู่แบบดิจิทัลมีขนาด 10.25 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่าในรุ่นแคสเปอร์อย่างเห็นได้ชัด
อุปกรณ์เสริมคาดว่าจะเป็นแท่นชาร์จไร้สาย ไฟแบบ LED แบบแอมเบี้ยนไลท์ 64 สี เบาะคู่หน้าแบบปรับอุณหภูมิได้ มีซันรูฟ และมีระบบความปลอดภัยในรถยนต์ ADAS ที่ช่วยเหลือผู้ขับขี่ระหว่างการใช้งาน มาให้อีกด้วย
เบาะนั่งทุกตำแหน่งสามารถพับราบได้ โดยแถวที่ 2 สามารถเลื่อนและเอนได้ พื้นที่เก็บสัมภาระมีความจุขนาด 280 ลิตร หรือ (9.9 ลูกบาศก์ฟุต) ซึ่งสามารถขยายได้อีกเมื่อพับเบาะลงเป็น 351 ลิตร หรือ (12.4 ลูกบาศก์ฟุต) ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเบาะนั่งด้านหลัง
ระบบส่งกำลังไฟฟ้ามี 2 แบบ
Hyundai Inter มีให้เลือกทั้งระบบส่งกำลังแบบมาตรฐานและแบบเพิ่มระยะทาง ในรุ่นเริ่มต้นมีมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวที่มีกำลัง 95 แรงม้า (71 กิโลวัตต์ / 97 แรงม้า) และแรงบิด 147 นิวตันเมตร (108 ปอนด์-ฟุต) พลังงานมาจากชุดแบตเตอรี่ขนาด 42 kW-hr ซึ่งช่วยให้สามารถวิ่งได้ระยะทางมากกว่า 300 กิโลเมตร ระหว่างการชาร์จไฟฟ้าในแต่ละครั้ง
สำหรับในรุ่นเพิ่มระยะทาง Long Range ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังกว่า 113 แรงม้า (84.5 กิโลวัตต์ / 115 PS) เมื่อรวมกับชุดแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยซึ่งมีความจุที่ 49 kW-hr โดยตั้งเป้าไปที่ระยะทางตามมาตราฐาน WLTP ที่สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดที่ 355 กิโลเมตร ซึ่งให้ระยะทางที่ไกลกว่า Kia Ray สเปคเกาหลีเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นรถยนต์ EV คันเดียวที่ใช้แพลตฟอร์มมาจาก Hyundai/Kia K1
ด้วยความสามารถในการชาร์จเร็ว DC ที่ 120 kW ทำให้ Inster สามารถชาร์จได้ตั้งแต่ 10-80% ในเวลาเพียง 30 นาที เมื่อเชื่อมต่อกับเต้ารับไฟฟ้ากระแสสลับขนาด 11 kW ที่ใช้กันทั่วไป การชาร์จจนเต็มจะใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมง เท่านั้น สำหรับในรุ่นมาตรฐาน หรือ 4 ชั่วโมง 35 นาที สำหรับรุ่นเพิ่มระยะทาง Long Range นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชั่น V2L ที่ช่วยให้สมารถชาร์จอุปกรณ์อื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น จักรยานไฟฟ้า และอุปกรณ์ตั้งแคมป์ได้แบบสองทิศทาง เป็นต้น
Inster ใหม่จะวางจำหน่ายในเกาหลีในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังจากเปิดตัวที่งาน Busan International Mobility Show ปี 2024 การเปิดตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในตลาดยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียแปซิฟิกจะตามมาเป็นลำดับ โดยราคายังไม่มีการประกาศให้ทราบในตอนนี้ เมื่อพิจารณาจากขนาดมิติตัวรถและตำแหน่งทางการตลาดแล้ว คาดว่าราคาอาจจะเป็นรถ EV ที่มีราคาไม่แพงที่สุดของ Hyundai ก็เป็นได้
ที่มา : carscoops.com
