ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทางด้านวิศวกรรมยานยนต์ การที่ผลิตภันฑ์จะครองใจผู้บริโภคได้อย่างยาวนานนั้นเป็นสิ่งที่ท้าท้ายผู้ผลิตเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม Nissan R35 GT-R ได้เป็นสินค้าที่อยู่ในตลาดยานยนต์ยาวนานถึง 17 ปีกันเลยทีเดียว นับตั้งแต่เริ่มผลิตรถยนต์ซุปเปอร์สปอร์ตคันนี้ขึ้นยังคงเป็นรถที่แข็งแกร่ง ด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์และความเป็นรถsuper car ที่ยังคงได้รับความไว้ใจจากผู้บริโภคถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ขณะนี้ ได้มีที่เสียงกระซิบมาว่าจะมีการยุติการผลิตเจ้ารถคันนี้ของทางค่าย Nissan ดังขึ้นเรื่อยๆ กล่าวว่าจะมีการอำลา R35 GT-R ในตำนานพร้อมกับจะเป็นเวอร์ชั่นสุดท้าย จึงได้ผลิตรุ่นลิมิเต็ดสำหรับรุ่นปี 2025 ขึ้น สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ซุปเปอร์สปอร์ตและต้องการเก็บไว้สะสม และจะวางจำหน่ายเฉพาะประเทศในญี่ปุ่นเท่านั้น
เมื่อมองแวบแรกสำหรับรุ่นปี 2025 อาจดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แต่การเปลี่ยนแปลงนี้กลับมีความสำคัญสำหรับผู้ชื่นชอบและนักสะสม โดยรุ่นพื้นฐานที่ได้รับการอัปเดตรายละเอียดเพียงเล็กน้อยแต่โดดเด่นในรูปแบบของสีภายในแบบ Blue Heaven ใหม่ ในขณะเดียวกันรุ่น Track Edition จีที-อาร์ แทร็ก อิดิชั่น พัฒนาโดย นิสโม ที-สเปค (GT-R Track Edition Engineered by NISMO T-spec) และรุ่น T-Spec พิเศษ ได้รับการอัพเกรดแหวนลูกสูบ, ก้านสูบ และเพลาข้อเหวี่ยงที่สมดุลกับการรับน้ำหนักของตัวรถ ซึ่งก่อนหน้านี้ชิ้นส่วนเหล่านี้ได้ติดตั้งลงในเครื่องยนต์รุ่นพิเศษอย่าง GT-R NISMO Special Edition เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม รุ่น NISMO ของ Nissan ได้รับการยอมรับอย่างมากในวงการยานยนต์ทั่วโลก โดยเฉพาะในกิจกรรมการแข่งขันรถยนต์มอเตอร์สปอร์ต ด้วยระบบช่วงล่วงที่แข็งแกร่งของ GT-R รุ่นเหล่านี้ได้รับการติดตั้งการปรับปรุงในส่วนต่างๆ มากมายเพื่อยกระดับประสิทธิภาพไปสู่รถซุปเปอร์สปอร์ตที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยชุดแอโรคาร์บอนแบบเปลือยทั้งหมดประดับตกแต่งไว้ภายนอก ด้วยชุดฝากระโปรงรถแบบคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีรูระบายอากาศ ซึ่งไม่เพียงแต่เสริมหลักอากาศพลศาสตร์เท่านั้น แต่ยังให้ความรู้สึกถึงความดุดันอีกด้วย ตั้งแต่ฝากระโปรงรถแบบคาร์บอนไฟเบอร์ไปจนถึงปีกหลัง ทุกองค์ประกอบได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่และเพิ่มดีไซน์ความสวยงามให้กับนักขับสายสปอร์ตคาร์
ส่วนเครื่องยนต์นั้นเป็นระบบส่งกำลังที่แสดงให้เห็นความมุ่งมั่นของ Nissan ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบคู่ที่ปรับแต่งโดย NISMO ให้กำลังแรงม้า 600 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วย GT-R เป็นรถซุปเปอร์คาร์ที่มีอัตราเร่งอันแรงกล้าและความคล่องตัวที่ไม่มีใครเทียบได้ เมื่อใช้ร่วมกับเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปประสิทธิภาพสูงและเบรกคาร์บอนเซรามิกของ Brembo รุ่น NISMO แล้วจะทำให้เพิ่มอัตราเร่งที่ไวขึ้นด้วยพลังของเครื่องยนต์เทอร์โบ
นอกเหนือจากการปรับปรุงประสิทธิภาพแล้ว รถยนต์รุ่น NISMO ยังมีคุณสมบัติพิเศษอีกมากมายที่ตอบสนองผู้หลงใหลในรถซุปเปอร์สปอร์ต ด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังแบบ NISMO Recaro มอบความสะดวกสบายและการรองรับระหว่างการขับขี่ให้มีชีวิตชีวามากขึ้น ในขณะที่ระบบกันสะเทือนแบบ NISMO ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการควบคุมตัวรถให้เฉียบคมและการควบคุมรถที่แม่นยำตลอดการขับขี่ ตั้งแต่แผ่นรองป้ายทะเทียนแบบอะลูมิเนียมพิเศษไปจนถึงป้ายทะเบียนสีทองที่แสดงอย่างภาคภูมิใจรวมไปถึงภายในห้องเครื่องยนต์ยังจัดวางได้อย่างเรียบหรู ทุกรายละเอียดถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพของ GT-R
น่าเสียดายที่ R35 GT-R คันนี้จะถูกวางจำหน่ายแค่ในญี่ปุ่น โดย Nissan GT-R R35 ปี 2025 ภายใต้ชื่อรุ่น JDM เท่านั้น ที่มีกำหนดเปิดตัวในเดือนมิถุนายนปีนี้ ซึ่งในขณะที่ผู้ชื่นชอบทั่วโลกไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของ พวกเขายังหวังว่าทางค่ายจะทำตลาดไปยังต่างประเทศและชื่นชมยนต์ที่เป็นจุดกำหนดของยุคแห่งความเป็นเลิศทางด้านซุปเปอร์สปอร์ต แม้ว่าวันข้างหน้าอาจจะไม่มีวางจำหน่ายแล้วก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงชัดเจน นั่นคือชื่อของ Nissan GT-R จะคงอยู่ตลอดไป ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมและสมรรถนะที่ยั่งยืนซึ่งเป็นตัวกำหนดของแบรนด์
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.indianautosblog.com