Ferrari ผู้ผลิตรถในระดับซุปเปอร์คาร์ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลบางส่วนของตัวรถรุ่นใหม่ 12Cilindri ที่มีกำหนดการในการวางจำหน่ายในปี 2025 ซึ่งตัวรถจะใช้งานเครื่องยนต์ V-12 อันทรงพลัง และเป็นเอกลักษณ์ของค่ายม้าลำพอง
จากข้อมูลเบื้องต้นนั้น Ferrari 12Cilindri จะมีให้เลือกใช้งานทั้งแบบคูเป้หรือแบบหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ โดยตัวรถจะเข้ามาแทนที่โมเดล 812 Superfast ตัวรถ 12Cilindri ได้รับการออกแบบมาเพื่อระลึกถึงจิตวิญญาณของ V-12 Ferrari GT อันเป็นเอกลักษณ์ในอดีต ไม่ว่าจะเป็น Lusso และ 275 GTB/4 ซึ่งเป็นโมเดลที่ขึ้นชื่อในเรื่องของพละกำลัง แต่กลับสวนทางด้วยความสามารถในการขับขี่ที่ควบคุมได้ง่าย และเหมาะกับการขับขี่ในระยะทางไกลๆ อีกด้วย
Enrico Galliera หัวหน้าเจ้าหน้าที่การตลาดและการพาณิชย์ของ Ferrari กล่าวถึงที่มาของชื่อโมเดลใหม่ไว้ว่า “แนวคิดนี้เรียบง่ายมาก เราต้องการให้รถคันนี้เฉลิมฉลององค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของ DNA ของเรา เราไม่เคยใช้หน่วยงานภายนอกในการตัดสินใจชื่อของเรา และเมื่อมีการเสนอชื่อ 12Cilindri คนที่นี่ก็เห็นด้วยกับชื่อที่เรียบง่ายนี้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์” 12Cilindri เป็นภาษาอิตาเลียน ที่แปลแบบตรงตัวได้ว่า “12 ลูกสูบ” ซึ่งตรงกับเครื่องยนต์ที่ติดตั้งบนตัวรถนั่นเอง
ในการพัฒนา 12Cilindri จะมีรหัสเครื่องยนต์ F140HD ซึ่งจะเป็นเครื่องยนต์ V-12 ขนาด 6.5 ลิตร โดยจะวางเครื่องยนต์ที่ส่วนหน้า ไม่ได้วางกลางลำตัวเหมือนกับโมเดลสปอร์ตอื่นๆ ของบริษัท เครื่องยนต์จะวางลูกสูบ 65 องศาพร้อมเพลาลูกเบี้ยวเหนือสูบคู่และวาล์วสี่ตัวต่อสูบ โดยรวมแล้วมันคือสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของเครื่องยนต์ V-12 ของ Ferrari ที่ใช้งานมากว่า 20 ปี อย่างเป็นทางการ F140HD เป็นการปรับปรุงใหม่อย่างครอบคลุมของ F140HC ที่ใช้ใน 812 Competizione แต่ส่วนประกอบและเทคโนโลยีหลายอย่างได้รับการแสดงตัวอย่างในเครื่องยนต์ V-12 ซึ่งขับเคลื่อนโดย SP3 Daytona เครื่องยนต์วางกลางรุ่นพิเศษ ที่ผลิตในจำนวนจำกัด
F140HD เป็นเครื่องยนต์เฟอร์รารี่ที่ผลิตปริมาณมากซึ่งมีกำลังอัดและอัดอากาศที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ สามารถหมุนรอบได้ถึง 9,500 รอบต่อนาที โดยให้กำลัง 818 แรงม้า (hp) ที่ 9,250 รอบต่อนาที และแรงบิด 500 lb-ft ที่ 7,250 รอบต่อนาที ความเร็วข้อเหวี่ยงเป็นผลมาจากก้านสูบไทเทเนียม ที่เบากว่าชิ้นส่วนที่ผลิตจากวัสดุอื่นๆ ที่เทียบเท่ากันถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ลูกสูบใหม่ที่เบากว่าที่ใช้ในเครื่องยนต์ของ 812 Competizione ถึง 2 เปอร์เซ็นต์ และเพลาข้อเหวี่ยงที่ได้รับการปรับสมดุลซึ่งเบาลง 3 เปอร์เซ็นต์
วาล์วทั้ง 48 ตัวทำงานโดยลูกเบี้ยวแบบเลื่อน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีมวลต่ำและมีแรงเสียดทานต่ำที่ยืมมาจากเครื่องยนต์ F1 ของเฟอร์รารี และเชื้อเพลิงจะถูกสูบเข้าไปในห้องเผาไหม้ผ่านระบบฉีดตรงแรงดันสูง ส่วนการเผาไหม้ที่สมบูรณ์จะถูกปล่อยออกมาผ่านระบบไอเสียแบบใหม่ที่มีท่อเฮดเดอร์ที่มีความยาวเท่ากัน ซึ่งป้อนเข้าไปในเครื่องฟอกไอเสียแบบเซรามิกและตัวกรองอนุภาค ซึ่งช่วยให้เครื่องยนต์ V-12 ขนาดใหญ่มีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานการปล่อยมลพิษ Euro 6E อันเข้มงวดที่กำหนดค่าไว้สำหรับปี 2026 และต่อๆ ไปได้อย่างหายห่วง
F140HD ขับเคลื่อนล้อหลังผ่านระบบส่งกำลังคลัตช์คู่ 8 สปีดใหม่ ทำให้ 12Cilindri มีเกียร์พิเศษเหนือกว่า 812 Competizione สิ่งนี้ทำให้ Ferrari สามารถเปลี่ยนอัตราส่วนของระบบส่งกำลังและรูปแบบการเปลี่ยนเกียร์ และเพิ่มแรงบิดที่ส่งไปยังล้อหลังได้ 12 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ลดเวลาการเปลี่ยนเกียร์ลง 5 เปอร์เซ็นต์
ระบบกันสะเทือนและฮาร์ดแวร์เบรกของ 12Cilinidri ส่วนใหญ่จะเป็นการยกมาจาก 812 Competizione เช่นเดียวกับเฟืองท้าย แต่แชสซีอลูมิเนียมทั้งหมดประกอบด้วยการอัดขึ้นรูปและการหล่อ เป็นของใหม่ และมีระยะฐานล้อสั้นลง 0.8 นิ้ว และมีความทนทานต่อแรงบิดเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์12 Cilindri ยังมีระบบพวงมาลัยล้อหลังที่เปิดตัวใน 812 Competizione ซึ่งสามารถบังคับทิศทางได้อย่างอิสระเพื่อปรับปรุงความคล่องตัวหรือเสถียรภาพเพิ่มเติมเมื่อจำเป็น
การดูแลฮาร์ดแวร์แชสซีของ 12Cilindri เป็นซอฟต์แวร์ใหม่ที่ใช้ตัวควบคุมการเคลื่อนที่ของยานพาหนะแบบหกแกนให้เกิดประโยชน์สูงสุด และระบบ ABS Evo แบบเบรกด้วยสายที่เปิดตัวใน 296GTB ที่เรียกกันว่า SSC 8.0 ซึ่งเป็นวิวัฒนาการล่าสุดของระบบควบคุมไดนามิกที่เป็นนวัตกรรมของเฟอร์รารี มีความเร็วในการเรียนรู้ที่เร็วขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ และการประเมินพฤติกรรมของยานพาหนะได้อย่างแม่นยำสูงขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ในทุกสถานการณ์ ผู้ผลิตกล่าวว่าระบบสามารถวัดระดับการยึดเกาะของยางได้อย่างแม่นยำแม้ในขณะที่ล้อกำลังหมุนอยู่
อย่างไรก็ดี ตัวรถ Ferrari 12Cilindri จะเริ่มเปิดให้จองล่วงหน้าในช่วงปลายปี 2024 นี้ โดยมีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการในอิตาลี ประเทศบ้านเกิด โดยจะจำหน่ายในราคา 425,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 15.6 ล้านบาท สำหรับรุ่นคูเป้ และราคา 470,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 17.3 ล้าน สำหรับรุ่น Spider
ที่มา : www.motortrend.com
