ย้อนไปในช่วงก่อนหน้านี้ ทางค่ายดังอย่าง Toyota ได้มีการเปิดตัว New Hyryder รถยนต์อเนกประสงค์ SUV รุ่นใหม่ ในประเทศอินเดียเป็นที่แรกในโลก และยังได้มีรายงานข่าวว่า ทางค่ายได้มีแผนการที่จะส่งรถรุ่นนี้ ออกไปยังต่างประเทศหลังจากนี้ด้วย โดยตัวรถนั้นถือว่าได้รับกระแสความสนใจเป็นอย่างดี ด้วยฟีเจอร์ที่จัดมาเต็มๆ คัน ซึ่งมันจะมีราคาเริ่มต้นที่เข้าถึงได้ง่าย อยู่ที่ประมาณ 460,000 บาทเท่านั้น เมื่อแปลงเป็นสกุลเงินไทย
โดยที่ตัวรถรุ่นนี้ จะมีความโดดเด่นในงานออกแบบดีไซน์กระจังหน้าแบบคริสตัลอะคริลิค ที่ถูกห่อหุ้มด้วยไฟ LED และ DRL ที่มีรูปลักษณ์เฉียบคม ส่วนระบบไฟส่องสว่างด้านหน้าจะติดตั้งอยู่ที่บริเวณกันชน ในขณะที่ไฟท้ายแบบ LED นั้นจะเป็นรูปทรงตัว C (คล้ายๆ กับของรุ่น C-HR แต่จะมีรูปทรงที่เพรียวกว่า) ส่วนกันชนด้านหลังจะมีแผ่นกันกระแทกขนาดใหญ่ เพื่อให้มันดูสมบุกสมบันในการใช้งานแบบเอนกประสงค์มากยิ่งขึ้น
ส่วนทางด้านมิติตัวรถของ New Toyota Hyryder จะมีขนาดยาวอยู่ที่ 4,365 มม. (171.9 นิ้ว) ความกว้าง 1,795 มม. (70.7 นิ้ว) และความสูง 1,635 มม. (64.4 นิ้ว) โดยมีระยะฐานล้อ 2,600 มม. (102.4 นิ้ว) ซึ่งถือว่าเป็นมิติของตัวรถ ที่มีความใกล้เคียงกันกับในรุ่นอย่าง C-HR จากทางค่ายเดียวกันนั่นเอง
ส่วนภายในตัวรถ จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจ อย่างเช่นหน้าจอสัมผัส Infotainment ขนาด 9 นิ้ว รวมกับแผงหน้าปัดดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว มีสวิตช์ในการเลือกโหมดการขับขี่ แผงหน้าปัดและประตูเป็นแบบ soft-touch โดยมีเฉดสีน้ำตาลที่เข้ากับเบาะนั่งหุ้มหนังแบบดูโอโทน พร้อมกับหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา จอแสดงผลบนกระจกหน้า กล้อง 360 องศา แท่นชาร์จแบบไร้สาย เบาะนั่งระบายอากาศ ช่องแอร์ในแถวหลัง พอร์ตชาร์จ USB ด้านหลัง และมีการควบคุมด้วยเสียงผ่านทาง Google Assistant และ Siri
ส่วนทางด้านระบบส่งกำลังของตัวรถรุ่นนี้ จะมีให้เลือกอยู่ 2 รูปแบบก็คือ เครื่องยนต์แบบเบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก 6Ah ให้แรงม้าสูงสุด 102 แรงม้า แรงบิด 135 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดาแบบ 5 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า
และยังมีอีกหนึ่งทางเลือกกับขุมกำลังไฮบริดเต็มรูปแบบ ในเครื่องเบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ ที่ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ทำให้มีแรงม้าสูงสุดที่ 116 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า จะต้องมารอดูกันว่าในอนาคตมันจะมีโอกาสได้ทำตลาดในประเทศไหนกันอีกบ้าง
